คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยทักษิณร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม จัดโครงการ “ดุกดี มีอาชีพ : การเชื่อมโยงเครือข่ายผู้เลี้ยงปลาดุกและผู้แปรรูปปลาดุกในจังหวัดพัทลุงเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ระหว่างวันที่ 24–25 พฤษภาคม 2568 ณ ลานโลตัส จังหวัดพัทลุง ภายใต้ชุดโครงการ “พัทลุงโมเดล: การวิจัยและนวัตกรรมสังคมเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ”
ด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และวัฒนธรรมพื้นถิ่นที่แข็งแรง ภาคใต้ของประเทศไทยยังคงสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างมีชีวิตชีวา หนึ่งในมรดกอาหารพื้นถิ่นที่โดดเด่นคือ “ปลาดุกร้า” ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในภาคใต้ และกำลังได้รับการต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีมูลค่าสูง ด้วยการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และระบบการจัดการอย่างเป็นระบบ
มหาวิทยาลัยทักษิณ โดยคณะนักวิจัยจากชุดโครงการ “พัทลุงโมเดล: การวิจัยและนวัตกรรมสังคมเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ” สนับสนุนจากกองทุน ววน. และ บพท. ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม ได้จัดโครงการ “เชื่อมโยงเครือข่ายผู้เลี้ยงปลาดุกและผู้แปรรูปปลาดุกในจังหวัดพัทลุงเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ระหว่างวันที่ 24–25 พฤษภาคม 2568 ณ ลานโลตัส จังหวัดพัทลุง เพื่อผลักดันเศรษฐกิจชุมชนผ่านการบูรณาการองค์ความรู้ด้านการเกษตร การแปรรูป และการตลาดเชิงสร้างสรรค์
ภายในงานมีการจัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ อาทิ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปลาดุกแปรรูปจากกลุ่มผู้ประกอบการท้องถิ่น นิทรรศการการเลี้ยงปลาดุก กระบวนการผลิตปลาดุกร้า รวมถึงการแข่งขันเมนูอาหารสำเร็จรูปจากปลาดุก และกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหาร มีการแจกชิมผลิตภัณฑ์ปลาดุกแปรรูปฟรีให้แก่ผู้เข้าร่วมงาน โดยโครงการได้รับเกียรติจาก นายธราวุธ ช่วยเกิด รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นประธานในพิธีเปิด ซึ่งสะท้อนถึงความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมระหว่างภาครัฐและสถาบันการศึกษาที่มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อมรรัตน์ ถนนแก้ว อาจารย์ประจำคณะอุตสาหกรรมเกษตรและชีวภาพ มหาวิทยาลัยทักษิณ กล่าวถึงความสำคัญของปลาดุกร้าว่า “ปลาดุกร้าเป็นผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาที่มีศักยภาพสูงในการต่อยอดเชิงเศรษฐกิจและโภชนาการ โดยเฉพาะในจังหวัดพัทลุงซึ่งเป็นแหล่งผลิตสำคัญ ได้รับการส่งเสริมในฐานะสินค้า OTOP ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว” พร้อมเสริมว่า ปลาดุกร้ามีโปรตีนสูง และกรดอะมิโนที่เกิดจากกระบวนการหมักยังมีคุณสมบัติช่วยเสริมสร้างระบบย่อยอาหารและภูมิคุ้มกัน จึงสอดคล้องกับแนวโน้มผู้บริโภคในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับอาหารปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
โครงการนี้เป็นหนึ่งในกลไกของ “พัทลุงโมเดล” ที่ขับเคลื่อนด้วยงานวิจัยแบบมีส่วนร่วม เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ที่ใช้ทุนท้องถิ่นเป็นฐาน เชื่อมโยงทุกภาคส่วนสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
.................................
ข่าว : งานสื่อสารองค์กร
ขอบคุณภาพจาก : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อมรรัตน์ ถนนแก้ว